ภาพจาก by...bobenz
เพราะมีบรรพบุรุษเป็นมนุษย์ที่เรือแตกแล้วอยู่กินครองคู่กับเงือกปะปนด้วย นางและบิดามารดาจึงต่างสามารถพูดจาและเข้าใจในภาษามนุษย์ ช่วงชีวิตวัยเยาว์ของนางเงือกน้อยผ่านพ้นไปด้วยความสงบสุขและดื่มด่ำกับเสรีภาพภายใต้ท้องฟ้าไพศาลไม่มีสิ่งใดแปรเปลี่ยนจนกระทั่งนางเริ่มเข้าสู่รุ่นสาวสาเหตุที่ทำให้วิถีชีวิตของนางต้องผันผวนไปก็เกิดขึ้น เนื่องจากพระอภัยมณีที่ถูกนางผีเสื้อสมุทรลักพามาเป็นคู่ครองอยู่ในถ้ำบนเกาะกลางทะเลใหญ่จนมีพระโอรสด้วยกันคนหนึ่งชื่อว่า สินสมุทร สินสมุทรมีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างมนุษย์กับยักษ์ คือมีรูปกายอย่างมนุษย์ งามแบบพ่อ แต่มีผมหยิก เขี้ยวงอก นัยน์ตาแดงฉาน และพละกำลังมหาศาลจากแม่
ดังนั้นพอสินสมุทรอายุได้แปดปีก็สามารถเปิดหินที่นางผีเสื้อสมุทรผู้มารดาอุดปิดปากถ้ำไว้ออกได้ จึงเที่ยวว่ายน้ำจับปูปลาเล่นในทะเลอย่างไร้เดียงสา แล้วบังเอิญพบเห็นพ่อเงือกเข้า
ภาพจาก writer.dek-d.com
ความสงสัยที่เห็นคนมีหางเป็นอย่างปลาทำให้สินสมุทรไล่จับพ่อเงือกลากถูลู่ถูกัง กลับมาถ้ำอวดต่อพระบิดาด้วยเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน พระอภัยมณีมองดูพ่อเงือกด้วยความสงสัยพร้อมกับไต่ถามสินสมุทรว่าไปลากพาเอาเงือกน้ำมาได้อย่างไร แล้วคำตอบที่ได้รับก็ทำให้พระอภัยมณีหวาดหวั่นใจยิ่ง เกรงว่าโอรสอาจจะเป็นอันตรายได้ถ้านางผีเสื้อสมุทรรู้เข้า สินสมุทรเห็นท่าทีหวาดกลัวของพระบิดาก็อดสงสัยไม่ได้พยายามถามจนได้รู้ความจริงว่าแม่ตนเป็นยักษ์ ในขณะที่ทั้งสองพ่อลูกปรับทุกข์ด้วยความกังวลว่า จะปกปิดเรื่องครั้งนี้ ให้รอดหูรอดตานางผีเสื้อสมุทรไปได้อย่างไรนั้น พ่อเงือกก็เอ่ยแทรกขึ้นขอร้องให้พระอภัยมณีปลดปล่อยตนไป พลางออกอุบายในการหนีจากนางยักษ์ให้เสร็จสรรพ ทั้งยังสัญญาจะนำบุตรภรรยามาช่วยพาหนีอีกด้วย ยังความปีติยินดีแก่พระอภัยมณีเป็นอันมาก ดังนั้น จึงจัดแจงปล่อยพ่อเงือกไป แล้วให้สินสมุทรปิดปากถ้ำไว้ตามเดิม พอนางผีเสื้อสมุทรกลับจากการหาอาหารก็ทำทีทำท่าเหมือนดังปกติป้องกันไม่ให้ นางเกิดความระแวงสงสัย แต่ด้วยเหตุว่า ถึงคราวเคราะห์คืนนั้นนางผีเสื้อสมุทรจึงฝันร้ายว่าเทวดาเหาะมาทุบตีและควักเอาลูกตาของนางไป ครั้นสะดุ้งตื่นขึ้นก็เล่าให้พระอภัยมณีฟัง พระอภัยมณีเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะหนีจากนางจึงหลอกให้นางไปจำศีลละเว้นอาหารเสียสามวันเต็ม โดยอธิบายว่าเป็นวิธีสะเดาะเคราะห์ ซึ่งนางผีเสื้อสมุทรหลงเชื่อว่าเป็นจริงเป็นจัง แม้จะรู้สึกเอะใจอยู่บ้างที่สินสมุทรร้องห่มร้องไห้เสียยกใหญ่ แต่พอถูกพระอภัยกลบเกลื่อนว่า ลูกร้องไห้จะตามไปด้วยตามวิสัยเด็ก นางก็เลิกสงสัยออกจากถ้ำ ไปจำศีลภาวนาอย่างเคร่งครัดที่เชิงผาเพียงลำพัง
และในวันเดียวกันนั่นเองพ่อ เงือกก็ได้พาบุตรภรรยามารอรับพระอภัยที่ปากถ้ำตรงตามที่สัญญา นี่คือครั้งแรกที่พระอภัยได้พบกับนางเงือกน้อยบุตรสาวของพ่อเงือกผู้วางแผนพาพระองค์หนีนางยักษ์และเพียงแค่แรกเห็นรูปโฉมของเงือกน้อยนางนี้ ก็สั่นจิตใจไว้อารมณ์ของหนุ่มผู้กำลังจะหนีจากภรรยา
ถึงแม้พระอภัยจะรู้สึกชื่นชมกับอาหารตาอาหารใจที่เบื้องหน้ามากแค่ไหนก็ตาม แต่การหนีเอาชีวิตรอดจากนางยักษ์กลับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รั้งรอไม่ได้ยิ่งเสียกว่า ดังนั้นทั้งหมดสามเงือกสองคนรวมเป็นห้าชีวิต จึงรีบเร่งแหวกว่ายไปในสายน้ำ มุ่งหน้าตรงสู่เกาะแก้วพิสดารอันเป็นที่หมาย โดยหวังอาศัยพระฤาษีผู้ทรงฤทธิ์บนเกาะเป็นที่พึ่ง
ทั้งหมดเร่งรุดไปโดยไม่กล้าหยุดพักรีรอแม้แต่น้อย เว้นแต่จะแวะหาผลไม้บนเกาะตามรายทางรับประทานเป็นอาหารแล้ว ก็เป็นรายการเดินทางกลางวันและกลางคืน เนื่องเพราะต่างรู้ดีว่าถ้าผ่านสามวันที่จำศีลแล้ว นางยักษ์ซึ่งรู้ว่าถูกหลอกจะต้องตามมาเป็นแน่และ
ด้วยกำลังของนาง อาจจะตามทันก่อนที่พวกตนจะไปถึงเกาะแก้วพิศดารก็เป็นได้
และแล้วก็เป็นจริงดังคาดในวันที่หก นางผีเสื้อสมุทรก็ติดตามมาทัน สินสมุทรซึ่งรักบิดามากกว่า จึงหลอกล่อถ่วงเวลาของพระมารดาไว้ เปิดโอกาสให้พวกเงือกพาพระอภัยล่วงหน้าไปก่อนแล้วค่อยหลบนางยักษ์วกไปสมทบด้วย
ในการหลบหนีและตามล่ากันอย่างทรหดนี้กินเวลาถึงเจ็ดวันเต็ม ในที่สุดพ่อเงือกกับแม่เงือกก็ผลัดกันแบกพระอภัยมณีว่ายน้ำมาตลอดทางก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงยิ่ง จึงเปลี่ยนให้นางเงือกน้อยรับหน้าที่ในช่วงทางสุดท้าย และขณะที่นางเงือกน้อยพาพระอภัยมณีเร่งรุดเดินทางต่อไปพ่อเงือกแม่เงือกที่อ่อนแรงอยู่ล้าหลังก็ถูกนางผีเสื้อสมุทรตามทันกลายเป็นอาหารของนางไปตามระเบียบ
นางผีเสื้อสมุทรที่ยิ่งไล่ตามยิ่งแค้นเคืองและเห็นพระอภัยกับเงือกน้อยและสินสมุทรอยู่ริบ ๆ ใกล้เกาะแก้วพิสดารเข้าไปทุกทีแล้วจึงไม่คำนึงมากความกระโจนพรวดเข้าไขว่คว้า แต่การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงเช่นนี้ก่อก็เกิดระลอกคลื่นปั่นป่วน สาดซัดพวกพระอภัยมณีทั้งสามเข้าสู่เขตเกาะแก้วเร็วยิ่งขึ้นเป็นเหตุให้นางคว้าผิด พระอภัยมณีและสินสมุทรลนลานช่วยกันทั้งชุดทั้งอุ้มนางเงือกสาวหนีขึ้นมาบนหาดทราย ที่มีพระฤาษีกับบรรดาสานุศิษย์ยืนรออยู่ พระฤาษีที่ล่วงรู้เรื่องนี้จากญาณอยู่ก่อนแล้ว จึงได้มารอที่หาดทราย เพื่อช่วยเหลือพระอภัยมณีและได้บอกให้นางยักษ์กลับไปเสีย แต่นางไม่ยอมทั้งยังด่าประณามอีก พระฤาษีต้องใช้ทรายเสกขับไล่นางไปนางยักษ์ซึ่งได้รับความเจ็บปวดสุดทนจึงจำใจจากไป แต่ก็ทิ้งคำอาฆาตมาดร้ายไว้แถมท้าย
ภาพจาก www.myfirstbrain.com
บัดนี้แม้เหตุการณ์เลวร้ายจะผ่านพ้นไป แต่นางเงือกน้อยก็กลายเป็นเงือกกำพร้าไร้ที่พึ่งพิงอีกต่อไป ดีที่พระฤาษีมีเมตตาให้นางอาศัยในเวิ้งน้ำเชิงเขาหลังเกาะ ทั้งยังเสกด้ายสายสิญจน์ให้สวมคอป้องกันภัย ในขณะที่นางเงือกน้อยยังโศกเศร้าต่อการสูญเสียบิดามารดาไม่สร่าง ตกดึกพระอภัยก็มาเยี่ยมปลอบนาง เลยเกี่ยวพันด้วยคำหวานเงือกสาวเพิ่งเจอคารมเหนือชั้นอย่างนี้เป็นคราแรกย่อมรู้สึกหวานดื่มด่ำยิ่ง ดังนั้นนางจึงมอบความรักแท้ต่อพระอภัยมณีอย่างหมดจิตใจ
พระอภัยซึ่งอาศัยอยู่เป็นศิษย์พระฤาษีก็แวะเวียนมาหานางเงือกน้อยทุกคืน พอรุ่งเช้าจึงกลับกุฏิไป เป็นเช่นนี้ตลอดระยะเวลาเจ็ดเดือนแล้ววันหนึ่ง พระอภัยก็มาบอกลานางว่าจะไปกับเรือที่บังเอิญผ่านมา ที่เกาะนี้ พร้อมกับให้สัญญาว่าอีกครึ่งปีจะกลับมารับนางไปด้วย ข่าวที่ได้รับนี้สร้างความหวั่นไหวและเสียใจแก่เงือกสาวอย่างยิ่งแต่ก็ไม่มีปัญญาจะทัดทาน ประการใดได้แต่บอกพระอภัยว่านางกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว พระอภัยจึงให้แหวนและปิ่นไว้มอบต่อลูกและจากไปในลักษณะนี้นับแต่นั้นนางเงือกก็ได้แต่ตั้งตารอคอยการกลับมาของพระสวามีจากวันเป็นเดือน ที่สุดเวลาครึ่งปีผ่านไปโดยไร้วี่แววของพระอภัยมณี
เงือกสาวผู้ครรภ์แก่จึงคลอดบุตรที่เกาะกลางทะเลตามยถากรรม โดยมีแต่พระฤาษีชรายืนร่ายมนต์ปัดเป่าเภทภัยเอาใจช่วยอยู่ข้าง ๆ เพียงคนเดียว
พระฤาษีเห็นเด็กเกิดใหม่เป็นเพศชายก็ตั้งชื่อให้ว่า สุดสาคร ทั้งรับเลี้ยงดูแลเพราะเด็กค่อนข้างมาทางมนุษย์ไม่อาจจะอาศัยในน้ำอย่างผู้เป็นแม่ได้ แต่ทุกวันจำต้องพามาให้นางเงือกให้นมสี่ห้าเที่ยวสุดสาครที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพระฤาษีจึงมีฤทธิ์กำลังไม่น้อย
วันหนึ่งเมื่ออายุได้สามขวบสุดสาครที่เที่ยวดำผุดดำว่ายในทะเลก็พบเข้ากับสัตว์ประหลาดซึ่งมีกำลังมหาศาลตัวหนึ่ง พยายามจะจับเท่าไรก็จับไม่ได้ จึงหนีกลับมาเล่าให้พระฤาษีฟัง
พระฤาษีได้เข้าฌานสำรวจดูรู้ว่าเป็น ม้านิลมังกร จึงสอนวิธีจับให้แก่สุดสาคร เพื่อจะได้ใช้เป็นพาหนะคู่ใจต่อไปในอนาคต สุดสาครทำตามคำสั่งของพระฤาษีอย่างเคร่งครัด คือพอได้ทีก็กระโดดขึ้นหลังม้านิลมังกรพร้อมกับกำกับมนต์ลงยังศีรษะม้าหกครั้ง ม้านิลมังกรจึงได้ละความพยศดุร้ายลง ทั้งยังมีใจจงรักภักดีต่อผู้ขับขี่เป็นอย่างยิ่งอีกด้วยภาพจาก OKnation
ในวันเดียวกันกับที่สุดสาครนำม้านิลมังกรกลับมาให้พระฤาษีดู พระฤาษีได้บอกเล่าถึงชาติกำเนิดให้สุดสาครรู้ ทำให้เด็กชายเกิดความคิดที่จะออกไปติดตามหาพระบิดา ซึ่งพระฤาษีก็เห็นสมควรด้วย ได้มอบแหวนกับปิ่นของพระอภัยมณีที่นางเงือกฝากไว้ให้กับสุดสาคร แล้วจัดการบวชเด็กชายเป็นฤาษีน้อยพร้อมกับประทานไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ให้
นางเงือกเลยต้องสะเทือนใจอีกครั้งเมื่อลูกมาลาไปตามหาพ่อนางรู้ว่าถึงทัดทานก็ไม่เป็นผล จึงจำใจมาส่งลูกชายจากไปในม่านน้ำตา แล้ววันเวลาที่เงียบเหงาอ้างว้างของการรอคอยยังคง ภาพจาก OKnation
ค่อยๆ ผ่านไป ท่ามกลางเกรียวคลื่นโขดผาหลัง
เกาะแก้วพิสดารที่มีนางเงือกว่ายเวียนรออยู่ด้วยความมุ่งหวังนานนับสิบ ๆ ปี
ค่อยๆ ผ่านไป ท่ามกลางเกรียวคลื่นโขดผาหลัง
เกาะแก้วพิสดารที่มีนางเงือกว่ายเวียนรออยู่ด้วยความมุ่งหวังนานนับสิบ ๆ ปี
และแล้วนางก็รอจนพระสวามีกลับมาเยี่ยมนางอีกครั้ง แต่บัดนี้พระอภัยมณีได้ออกบวชเป็นฤาษีแล้ว ทั้งยังสอนให้นางเงือกรักษาศีลห้า ก่อนจะกลับไปบำเพ็ญตบะต่อที่เขาสิงคุตร์
ถัดมาไม่นานนักสุดสาครที่ได้ครองเมืองลังกาก็แวะมาเยี่ยมพระมารดาด้วยความคิดถึงแต่สิ่งที่ยังความตื่นเต้นให้กับนางเป็นพิเศษก็คือ การรักษาศีลอย่างเคร่งครัดของนางทำให้พระอินทร์เสด็จมาตัดหางให้นางได้กลายเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์เสียที พอพระฤาษีส่งข่าวนี้มาถึง สุดสาครก็จัดเรือไปรับพระมารดาที่เมืองลังกา จัดงานฉลองอย่างใหญ่โตพร้อมญาติมิตรลูกหลาน
ณ บัดนี้เองนางเงือกผู้เฝ้ารอคอยได้รับการสถาปนาเป็นพระนางจันทวดีพันปีหลวงภาพจาก OKnation
ร่วมอนุรักษ์ภาษาและวรรณคดีไทย. (2560). เกร็ดวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณีพระนางจันทวดีพันปีหลวง. สืบค้น 11 เมษายน, 2560, จาก https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1387684837930721&id=855157854516758&substory_index=0